แต่วันนี้ถึงแม้เสียงนักเรียนเคารพธงชาตินั้นจะดัง
แว่วๆมาจากโรงเรียนในหมู่บ้านแล้ว เสียงอันร่าเริงของ
ยายราษฎร์ที่มักได้ยินมาแต่ไกลจากท้องทุ่งกลับเงียบสงัด
มีเพียงเสียงพูดคุยค่อยๆที่ดังมาจากกระต๊อบของเธอ...
“ประชา ลูกแม่...พวกหนุ่มสาวเหล่านี้ใครให้เข้ามา?”
“ประชา ลูกแม่...พวกหนุ่มสาวเหล่านี้ใครให้เข้ามา?”
“เอาเถอะแม่ แป๊บเดียว เดี๋ยวเขาก็ไปแล้ว”
“ประชา แต่แม่ห้ามเขาแล้วนะ แม่ไม่สบาย
แม่ไม่อนุญาตให้เขามา...”
“แม่ เลิกเรียกผมว่า ประชาได้แล้ว
หมอดูในกรุงเขาว่า ให้เปลี่ยนชื่อเป็น ธนา”
เสียงซุบซิบ ของทีมข่าวโทรทัศน์ ที่มาทำข่าว
ยายราษฎร์เริ่มเงียบลง แสงไฟ สปอตไลท์ ของช่างภาพกลบกลืนแสงอาทิตย์ที่สอดส่องเข้ามาใน กระต๊อบ
“ประชา ไฟอะไรมันจ้าขนาดนี้ แสบตาเหลือเกิน”
“เงียบ ได้แล้วแม่ เขาจะเริ่มถ่ายทอดสดแล้ว
บ่นมากเดี๋ยวลูกก็ไม่ได้เงินหรอก...”
3…2…1…เสียงกล้องเริ่มเดิน
“คุณ ธนา คะ
ขอบคุณมากค่ะที่อนุญาตให้พวกเราเข้ามาทำข่าวเรื่อง ยายราษฎร์”
“ด้วยความยินดีครับ
ผมกับแม่ผมไม่อยากให้เรื่องอย่างนี้เกิดกับใครอีก เชิญถ่ายแม่ผมได้ตามสบายครับ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ คุณธนาคะ
ช่วยเล่าให้ท่านผู้ชมทางบ้านฟังได้หรือไม่คะว่าเกิดอะไรขึ้น กับคุณยายราษฎร์?”
“ครับ คือว่า...เรื่องมันมีอยู่ว่า...
แม่ผมเกิดหกล้ม ตกคันนา กระดูกหัก เลยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจังหวัด”
“แล้วทำไมอาการถึงทรุดขนาดนี้ล่ะคะ
แค่กระดูกหักน่าจะแค่เข้าเฝือก อย่างมากก็ผ่าตัด”
“ครับ หมอก็ผ่าตัดให้ครับ
แต่ปรากฏว่าอุปกรณ์ของหมอนั้นเก่าและไม่สะอาด แม่ผมเลยติดเชื้อในกระแสเลือด”
“คุณประชาคะ ทราบหรือไม่ว่า ที่จริงโรงพยาบาลที่
ยายราษฎร์ไปใช้บริการเพิ่งเสร็จสิ้นการดำเนินการปรับปรุงโรงพยาบาลตามโครงการรัฐบาลมูลค่าหลายร้อยล้าน
โดยงบประมาณดังกล่าวถูกจัดสรรมาเพื่อใช้จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ทันสมัย
โดยตรง...”
“ครับ” นายธนาโต้ตอบอย่างทันควัน “ผมมั่นใจว่าต้องมีการโกงแน่ๆ
ใช่มั๊ยแม่?”
“อือ” ยายตอบสั้นๆ
หารู้ไม่ว่าใจของคุณยายนั้นไม่ได้อยู่กับการสัมภาษณ์ แม้แต่น้อย
ในใจของยายราษฎร์มีเพียงคน
คนเดียวเท่านั้น...ผู้เดียวที่ไม่เคยทำให้ยายราษฎร์เสียใจ
ผู้ที่ทำให้ยายเปี่ยมปีติอยู่เสมอ...
“ประชา...ประชา...” ยายราษฎร์กล่าวเรียกลูกชายเบาๆ
แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะถูกเสียงของธนาและผู้ดำเนินรายการกลบกลืนเสียหมด
ลมเย็นๆเริ่มผัดผ่านมาทางช่องลม...ด้วยแรงที่เหลืออยู่ยายราษฎร์ค่อยๆเอือมมือออกไปหยิบ
ล็อกเก็ตทรงหัวใจของเธอมากำไว้ในมือ
“ประชา
ลูกแม่...แม่ขอให้ลูกพอใจกับเงินที่ลูกได้นะ...ไม่ต้องห่วงแม่ เพราะแม่รู้ว่าแม่
พอแล้ว”
แล้วยายราษฎร์ก็หลับตาลง...
เสียงไอโฟน ของท่าน ส.ส. เศรษฐ์ ผู้ทรงเกียรติ
สั่น ครืกๆ กระตุ้นให้ท่าน เศรษฐ์ชำเรืองมอง นาฬิกา โรเล็กซ์ แล้วรีบเก็บปากกา
ราคาแพงใส่กระเป๋า ก่อนเดินอมยิ้มออกจากห้องประชุมกรรมาธิการจริยธรรมอย่างรวดเร็ว
เพื่อไปร่วมงานเลี้ยงฉลองกับพรรคพวกให้ตรงเวลา
“ท่านค่ะๆ...”
“วันนี้ผมให้สัมภาษณ์ไม่ได้จริงๆ ผมติดประชุมลับ
หากผมสายจะทำให้ชาติเสียหายมาก”
“ประชุมเกี่ยวกับการทุจริตโครงการปรับปรุงโรงพยาบาลจังหวัดหรือเปล่าคะ?”
“ทุจริตอะไร ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย...”
“ข่าว ยายราษฎร์เมื่อเช้าไงคะ
หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านให้สัมภาษณ์เมื่อสักครู่ว่าจะยื่นฟ้องท่านข้อหาทุจริตงบประมาณแผ่นดิน
แถมยังขยายความอีกว่ามีหลักฐานมัดตัวท่านแน่น
เพราะท่านเป็นผู้ดูแลงบประมาณและยังเป็น ส.ส. ของพื้นที่อีกด้วย”
“อะไร...พูดอะไร ไม่รู้เรื่อง ยายพวกไหน?”
“รู้สิคะ ฝ่ายค้านบอกว่ามีวีดีโอวงจรปิด
จับพฤติกรรมท่านได้ชัดเจน
ท่านมีอะไรจะโต้ตอบคำกล่าวหาของหัวหน้าฝ่ายค้านว่าท่านเป็น ‘เด็กเลี้ยงแกะ’หรือไม่คะ?”
“ผมขอยืนยันว่าชีวิตนี้ผมไม่เคยโกหก
ไม่เคยโกง ไม่เคยโดดงานเพื่อกิจส่วนตัว เพราะผมยึดมั่นในพระราชดำรัส
นี่เดี๋ยวผมท่องให้ฟังเลย
‘...การที่ประกอบกิจใดๆ ให้เจริญเป็น ผลดีนั้น
ย่อมต้องอาศัยความอุตสาหะพากเพียร ความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นรากฐานสำคัญ’
เห็นมั๊ย? ท่องได้แม่นเลย
ผมขอยืนยันว่าผมจะฟ้องท่านหัวหน้าฝ่ายค้านกลับ ข้อหาหมิ่นประมาท“ แล้วท่าน เศรษฐ์ ก็เดินหลบไป คำถามที่เหลือของนักข่าวนั้นเป็นเพียงเสียงนกเสียงกา
“อย่างมากก็คงแค่รอลงอาญา
ป่านนี้เพื่อนๆคงก๊งเหล้ากันไปยกหนึ่งแล้ว” ท่าน
เศรษฐ์ ผู้ทรงเกียรติ นึกในใจก่อนที่จะก้าวขึ้นรถเบนซ์ที่มารอรับอยู่ที่หน้าสภา
โดยปกติ เมื่อดวงอาทิตย์อัสดงลับขอบฟ้า
หลีกทางให้เจ้าจันทรา
เปล่งรัศมีสอดส่องคล้องจองกับเสียงบรรเลงเพลงของจักจั่นในยามค่ำคืน
ตัวเมืองของจังหวัดอันเป็นที่รักของยายราษฎร์จะเงียบสงบร่มเย็นตลอดคืน
หากแต่วันนี้แสงนวลของดวงจันทร์มิอาจครองชัยต่อไฟอันร้อนระอุที่เผาไหม้ตึกอำนวยการของโรงพยาบาลจังหวัด
เสียงบรรเลงของจักจั่นถูกข่มฆ่า
โดยเสียงอึกทึกคึกโครมของผู้ประท้วง
“เราต้องไล่คนโกงออกไป...”
“ไอ้เศรษฐ์ไปตายซะ...”
“อย่าให้ยายราษฎร์ตายเปล่า...”
ห่างออกไปจากจุดเกิดเหตุไม่กี่เมตร
ทีมข่าวเตรียมสัมภาษณ์ นายประชาอีกครั้ง...
“ธนาคะ คุณคิดอย่างไรกับการที่ประชาชนลุกขึ้นมาประท้วงอย่างนี้?”
...
...
...
"...คุณธนาคะ?...คุณธนา..." นักข่าวถามย้ำอีกครั้งหลังจากที่ประชานิ่งเงียบ ผิดกับเมื่อเช้า ขณะที่เสียงจากผู้ประท้วงดังเข้ามาในกล้องอย่างต่อเนื่อง...
...
...
...
"...คุณธนาคะ?...คุณธนา..." นักข่าวถามย้ำอีกครั้งหลังจากที่ประชานิ่งเงียบ ผิดกับเมื่อเช้า ขณะที่เสียงจากผู้ประท้วงดังเข้ามาในกล้องอย่างต่อเนื่อง...
“คุณธนาคะ ช่วยออกความเห็นให้ท่านผู้ชมหน่อยคะ
คุณธนา!”
...
...
...
...
...
...
ความเงียบของ ประชานั้นค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆถ้ำกลางความอลม่าน วุ่นวาย...
“คุณธนาคะ...”
...
“คุณเห็นไอ้คนเสื้อส้มที่กำลังเผาตึกคนนั้นมั๊ย?”
ประชาถามนักข่าวอย่างกะทันหัน ด้วยเสียงสั่นคลอ
“ไอ้คนนั้นน่ะ มันเพิ่งโทรมาหาผมเมื่อบ่ายนี้เองหลังจากที่แม่ผมตาย บอกผมว่าให้มาร่วมประท้วงกับมันเพราะพรรคฝ่ายค้านจะให้เงินตั้งพันนึงถ้ามาช่วยกันไล่รัฐบาลโดยเอาเรื่องแม่ผมมาเป็นชนวน”
“ไอ้คนนั้นน่ะ มันเพิ่งโทรมาหาผมเมื่อบ่ายนี้เองหลังจากที่แม่ผมตาย บอกผมว่าให้มาร่วมประท้วงกับมันเพราะพรรคฝ่ายค้านจะให้เงินตั้งพันนึงถ้ามาช่วยกันไล่รัฐบาลโดยเอาเรื่องแม่ผมมาเป็นชนวน”
“อ้าว ธนาหมายความว่ายังไง?”
“ประชาหมายความว่า...เราเห็นแก่เงินมากไป
เห็นแก่ตัวมากไป เห็นแก่อำนาจมากไป เห็นแก่ภาพลักษณ์มากไป
ในขณะเดียวกัน เราเห็นแก่ผู้อื่นน้อยไป เราฟังกันน้อยไป เรารู้จักมีเมตตาให้อภัยกันน้อยไป...
ในขณะเดียวกัน เราเห็นแก่ผู้อื่นน้อยไป เราฟังกันน้อยไป เรารู้จักมีเมตตาให้อภัยกันน้อยไป...
แม่ครับลูกหลงทางอยู่นาน
ประชาชนคนไทยยังหลงทางอยู่มาก เราทุกคนบอกว่าเรารักในหลวง...รักในหลวงบนธนบัตร
รักในหลวงแต่ปาก...
แต่สิ่งสุดท้ายในมือแม่ก่อนที่แม่จะจากผมไปเมื่อเช้านี้...ภาพในหลวงในล็อกเก็ตของแม่ทำให้ผมเข้าใจ...ทำให้ผมตระหนักว่า การ ‘รักในหลวง’อย่างแท้จริงคือการปฏิบัติตนตามแนวพระราชดำริ การมีในหลวงเป็นเข็มทิศอยู่ใน ‘หัวใจ’ เสมอ
แต่สิ่งสุดท้ายในมือแม่ก่อนที่แม่จะจากผมไปเมื่อเช้านี้...ภาพในหลวงในล็อกเก็ตของแม่ทำให้ผมเข้าใจ...ทำให้ผมตระหนักว่า การ ‘รักในหลวง’อย่างแท้จริงคือการปฏิบัติตนตามแนวพระราชดำริ การมีในหลวงเป็นเข็มทิศอยู่ใน ‘หัวใจ’ เสมอ
แม่ครับ...วันนี้ ประชามีในหลวงอยู่ในใจ ประชา
รู้จักคำว่า ‘พอ’ แล้ว...”
ผมหวังว่าเรื่องสั้นของผมจะได้ให้ข้อคิดดีๆแก่ท่าน ไม่มากก็น้อยครับ หากเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ช่วยแบ่งปันให้เพื่อนๆอ่านกันนะครับ ลิ้งค์ของบทความนี้คือ: http://www.comprehensivethai.com/2012/10/blog-post_22.html
ผมหวังว่าเรื่องสั้นของผมจะได้ให้ข้อคิดดีๆแก่ท่าน ไม่มากก็น้อยครับ หากเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ช่วยแบ่งปันให้เพื่อนๆอ่านกันนะครับ ลิ้งค์ของบทความนี้คือ: http://www.comprehensivethai.com/2012/10/blog-post_22.html
No comments:
Post a Comment